เมือง ไทยวันนี้แม้จะผ่านพ้นวิกฤติมาได้เปลาะหนึ่ง แต่สถานการณ์ข้างหน้ายังน่าเป็นห่วงกับความปั่นป่วนวุ่นวายรอบใหม่ที่จะเกิด ขึ้น แต่กระนั้น"ตะลอนเที่ยว" ยัง(แอบ)หวังอยู่ลึกๆว่าด้วยลักษณะนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนไทย อีกไม่นานเมืองไทยจะกลับมาน่าอยู่เหมือนเดิม อย่างไรก็ตามในสภาวะที่ความตึงเครียดยังคุกรุ่นอยู่ในสังคม การออกไปท่องเที่ยวเข้าวัด ไหว้พระ สามารถลดทอนความเครียดได้ไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นสิ่งช่วยเสริมสร้างพลังในการดำเนินชีวิตให้มีกำลังใจในการ ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นั่นจึงทำให้ทริปนี้ "ตะลอนเที่ยว" จึงขอพาแฟนานุแฟนไปออกทัวร์ไหว้พระเสริมมงคล ควบคู่ไปกับการเที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจในจังหวัดนครราชสีมา กับโครงการ "เที่ยวทั่วไทย สุขใจเสริมมงคล" ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่มี อ. คฑา ชินบัญชร พรีเซ็นเตอร์โครงการมาเป็นมัคคุเทศก์ให้ความรู้คู่ไปกับหลักธรรมคำสอน สำหรับการตะลอนเที่ยวโคราชในทริปนี้ เราเริ่มต้นที่ "วัดธรรมจักรเสมาราม" ต.เสมา อ.สูงเนิน วัดแห่งนี้เคยเป็นศาสนสถานในสมัยทวารวดี สังเกตได้จากวัตถุโบราณที่ค้นพบภายในวัด อาทิ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอนหินทราย) ซึ่งมีความยาว 13.30 เมตร สูง 2.80 เมตร สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี อายุราว พ.ศ. 1200 สร้างด้วยหินทรายแดงนำมาวางซ้อนกัน แล้วแกะสลักเป็นศิลปะแบบพื้นบ้าน ถือเป็นพระนอนหินทรายที่มีความเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย |
||||
ภายในบริเวณวัดธรรมจักรเสมาราม มีความร่มรื่น เย็นสบายจากต้นไม้น้อยใหญ่ภายในวัด ผู้คนที่เข้ามาในวัด ส่วนใหญ่จะมากราบขอพรพระนอนหินทราย ซึ่งเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเป็นพระประจำวันของคนเกิดวันอังคาร จึงมีผู้แวะเวียนมากราบไหว้กันไม่ขาดสาย เดินทางต่อมาอีกสักหน่อย ก็จะพบกับวิถีชีวิตของชาวสวนริมน้ำ ที่"บ้านเมืองเก่า" ต.โคราช อ.สูงเนิน มาถึงที่นี่แล้วก็พลาดไม่ได้ที่จะล่องเรือตามลำน้ำลำตะคอง เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน ชมสวนเกษตรตามฤดูกาล ซึ่งในปัจจุบันชาวสวนสองฝั่งลำน้ำ ก็ยังคงใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทำสวนเกษตร ตัวอย่างเช่น การใช้ระหัดวิดน้ำแบบดั้งเดิม ที่ไม่ต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้าในการสูบน้ำเข้าสวน แต่ก็สามารถที่จะมีน้ำใช้ได้ตลอด ระหว่างการล่องเรือ ก็สามารถที่จะแวะขึ้นไปชมสวน และขอความรู้ต่างๆ ได้ด้วย |
||||
หลังจากเที่ยวที่ อ.สูงเนินมาแล้ว คราวนี้ก็เข้ามาสู่ตัวเมืองกันบ้าง มาถึงโคราชทั้งที ก็ต้องแวะมาสักการะย่าโมกันเสียก่อน "อนุสาวรีย์ย่าโม" หรือ "อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี" ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าประตูชุมพล (ประตูเมืองด้านทิศตะวันตก) ตัวอนุสาวรีย์เป็นรูปหล่อทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทานในท่ายืน มือขวากุมดาบ ปลายดาบจรดพื้น ซื้อซ้ายท้าวเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บนฐานไพทีสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองซึ่งบรรจุอัฐิของท่าน |
||||
หลังจากสักการะย่าโมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็แวะเวียนมาที่ "วัดพายัพ" ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ย่าโมมากนัก วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา พระอุโบสถหลังเก่านั้น ออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง โดยใช้พระที่นั่งสรรเพชรปราสาทเป็นต้นแบบ แต่ในปัจจุบันได้พังทลายไปหมดแล้ว จึงมีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ |
||||
เดินทางมาอีกไม่ไกล ก็จะเข้าสู่ "วัดศาลาลอย" ซึ่งเป็นวัดที่ท้าวสุรนารีพร้อมกับสามีของท่านสร้างขึ้น ภายหลังรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และอนุสรณ์สถานเจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นภายในวัด ภายหลังที่ท่านได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว |
||||
นอกจากนี้ก็ยังมีพระอุโบสถหลังเดิม ที่สร้างขึ้นพร้อมกับวัด เป็นอุโบสถมหาอุตม์ ที่ใช้ทำพิธีการสำคัญต่างๆ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่พระอุโบสถนั้นมีทางเข้าออกเพียงประตูเดียว และไม่มีหน้าต่างแม้เพียงสักบาน ปัจจุบันก็ยังประดิษฐานพระพุทธรูปเพื่อให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้ขอพร |
||||
ไทรงามเริ่มมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ครั้งที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรม ราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองพิมาย และได้พระราชทานนามว่า "ไทรงาม" ปัจจุบันก็เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวทั่วไปที่เข้ามาชม |
||||
ศิลปกรรมของตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบปาปวน โดยมีศิลปะแบบนครวัดปะปนอยู่บ้าง ปราสาทหินแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เนื่องจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้สร้างและปรับปรุงต่อเติม ทรงนับถือพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน การเดินชมปราสาทหินพิมายนั้น จะมีบริการยุวมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนพิมายวิทยานำชมสถานที่ เพื่อให้ผู้เข้าชมมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับปราสาทหินพิมายมากขึ้น สามารถติดต่อสอบถามได้ที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมายได้เลย |
||||
|
||||
|
||||
เรียกได้ว่ามาโคราชคราวนี้ทั้งอิ่มบุญ อิ่มใจ แถมยังได้พลังไฟชีวิตกลับไปสู้กับสถานการณ์บ้านเมืองที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ ได้อีกด้วย |
||||
ที่มา:http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000079563
|