แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

 หลังจากในภาคที่แล้ว ทำออกมาเข้มข้น จนมีแฟนๆติดหนึบหนับกันไปกับ จันดารา ฉบับ มาริโอ้ และ ตั๊ก บงกช ว่าแล้วทางผู้กำกับ หม่อมน้อย จึงไม่รีบรอช้าที่จะเข็นออกมาให้ชมกันแบบเร็ววัน โดยได้ทีมนักแสดงชุดเดิม พร้อมในภาคนี้เสริมพิเศษด้วยแขกรับเชิญอีกเพียบด้วยนะ

หลังจากเกิด เหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านพิจิตร วานิช ทำให้ “จัน ดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ “เคน กระทิงทอง” (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) สหายสนิทของเขาต้องหนีภัยอันเกิดจากการกระทำอันเหี้ยมโหดของ “คุณหลวงวิสนันท์เดชา” (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้านานถึง 17 ปี ไปพำนักอยู่กับ “คุณท้าวพิจิตรรักษา” (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร ช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่เมืองพิจิตรนี้ จันเป็นสุขทั้งกายใจ และรู้สึกถึงอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง เขายังคงติดต่อทางจดหมายกับ “ไฮซินธ์” (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงในดวงใจอันเป็นรักบริสุทธิ์ของเขาอยู่เสมอมา และคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับการตามค้นหาพ่อแท้ๆ พร้อมการกลับมาล้างแค้นคุณหลวงที่เคยทำชีวิตวัยเด็กของเขาสลายไปด้วย
korat_movie
จัน ดารา ปัจฉิมบท ยังคงเป้นการกลับมากำกับเองของ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล จาก ภาคแรก และ ชั่วฟ้าดินสลาย ที่ยังคงลายเส้นของเขาเอาไว้อย่างชัดเจนในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสนอกสนใจในด้านของ รายละเอียด ฉากเฉิก และ ฉากโป๊โจ่งครึ่มๆที่กลายเป็น Talk of the Town จนมีคนมากหน้าหลายวัยอยากตีตั๋วเข้าไปดูตลอดไม่ขาดสาย ซึ่งไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านคนอื่นเคยดูฉบับเก่าของ พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร หรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวความเห็นจากผมที่เคยได้ดูเวอร์ชั่นดังกล่าวมาแล้ว อยากจะบอกได้ว่าส่วนตัวนั้นเป็นคนนึงที่ค่อนข้างชื่นชอบ 30 นาทีสุดท้ายของตัวหนังเป็นเอามาก เพราะอารมณ์ของความมือม่น และ ป่นปี้ พร้อมทั้งอารมณ์ความทุเรศ อุบาทว์ ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเนื้อเรื่อง 30 นาทีสุดท้ายของ จันดารา ภาคนั้นแหละ ก็เป็นเนื้อเรื่องเดียวกันกับ จันดารา ปัจฉิมบท ที่มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง

โดยถ้าหากว่า ปัจฉิมบท สามารถใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากภาคก่อน ได้เช่นเดียวกับการที่ภาค ปฐมบท ได้ทำไว้ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับภาค ปัจฉิมบท ที่ไม่สามารถทำออกมาได้ดีถึงครึ่งของ ปฐมบท เลยสักนิด เพราะอารมณ์ทั้งหมดที่สัมผัสได้จากภาคนี้กลับเห็นจะเป็น ความอืดอาด ยืดยาด ในตัวบท ที่วนเวียนๆอยู่กับการรำพึงรำพันถึงชีวิตของ จันดารา โดยที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสำนึกผิดของการล้างแค้นครั้งนี้ หนำซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือไม่ ที่จะทำให้ตัวหนังสอดแทรกสถานการณ์ตลกๆเป็นระยะๆ นั่นถือว่าเป็นอีกด้านนึงที่ทำลายความตึงเครียด และ อารมณ์ความอาลัยตายจาก ในภาคนี้จนหมดสิ้นไม่ต่างจากภาคที่แล้วเลยสักนิด
korat_movie
ซึ่งสิ่งที่เห็นว่า จะเป็นความพัฒนาในภาคนี้ คงเห็นจะมีแต่การที่ผู้กำกับ ได้ลดเลิกให้ความสนใจกับฉากการมีเพศสัมพันธุ์ และ ฉากโป๊ โดยไม่จำเป็น ให้ลดน้อยลงไม่เท่าภาคที่แล้ว และเอาเวลามาสนใจกับเนื้อเรื่องหลักเสียๆซะส่วนใหญ่ (ที่น่าเสียดายเมื่อมันออกมาแล้วกลับแย่กว่าภาคที่แล้ว) จนทำให้รู้สึกว่าฉากการมีเพศสัมพันธุ์ของตัวละครแต่ละตัว ดูมีความหมายที่จะใส่เข้ามา และ ดึงพาอารมณ์ความอุบาทว์ในบ้านหลังนี้จากคนดูได้ดีกว่าภาคที่แล้วเยอะพอสมควร

ใน ทางกลับกัน ด้านของ นักแสดง ในภาคนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นน่าผิดหวังพอสมควร ไม่ว่ามันจะเกิดจากบทสนทนาที่เหมือนพูดเป็นคำๆ หรือว่าการแสดงที่แข็งเป็นท่อนไม้ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือการที่ตัวหนังเต็มไปด้วยการแสดงๆแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ล้นแต่ก็ไม่เต็ม โดยเฉพาะหลายๆตัวละครหลัก ตั้งแต่ มาริโอ้ ยันถึง โช นิชิโนะ ที่เห็นก็จะมีแต่ คุณหลวง อย่าง คุณ ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ และ นิว ชัยพล ในบท เคน กระทิงทอง ที่ยังคงรักษามาตรฐานการแสดงของตนได้อย่างน่าสนใจ
korat_movie
เพราะ ฉะนั้นโดยสรุปแล้วผมจึงคิดว่า จันดารา ปัจฉิมบท เป็นภาคที่ด้อยกว่าภาคแรกในแทบทุกด้าน ตั้งแต่ ด้านบท ลามกันไปถึงด้านของ อารมณ์ของหนัง ที่ดูไปดูมาแล้วยังออกแนวด้อยกว่า 30 นาทีสุดท้ายในภาคของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เสียอีกหละครับ

เรื่องนี้ผมให้ C+ ครับ

ที่มา:http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waveminator&month=14-02-2013&group=4&gblog=106

 

Go to top