แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

v  โรคไขมันในเส้นเลือดเป็นโรคยอดนิยมในหมู่คนสูงอายุ เพราะเมื่อตอนวัยหนุ่มสาวไม่ได้ระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ๆ ก็เลยสะสมมาเรื่อย ๆ ประจวบเหมาะกับไม่ค่อยออกกำลังกาย เพราะความอร่อยนั่นเอง อาหารที่มีคลอเลสเตอรอลมาก ๆ ได้แก่ ปลาหมึก หอยนางรม ไขมันหมู อาหารทอด เป็นต้น เพราะฉะนั้นคนที่เป็นแล้วก็ต้องดูแลสุขภาพ ควบคุมอาหาร มั่นออกกำลังกาย ก็จะช่วยได้มากและไม่ต้องพึ่งยาลดไขมันในเส้นเลือด สำหรับผู้ที่เริ่มจะมีไขมันในเส้นเลือดหรือมีมานานแล้วลองหันมาใช้สมุนไพรช่วยรักษากันดีกว่า

 

 

 

 

สมุนไพรที่ช่วยในเรื่องการลดไขมันในเส้นเลือด ได้แก่

1.กระเจี๊ยบแดง
v


ใช้กลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล 
ดอก ช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือด ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดี ละลายไขมันในเส้นเลือด 
ส่วนผล และเมล็ด ก็ใช้ลดไขมันในเส้นเลือดเช่นกัน 

วิธีใช้ โดยนำเอากลีบเลี้ยง หรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง ตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (250 มิลลิลิตร) ดื่มเฉพาะน้ำสีแดงใส ดื่มทุกวัน หรือ นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาล เกลือนิดหน่อย ถ้าจะให้ดีนำกระเจี๊ยบแดงสด ๆ มาต้มจะได้รสชาติที่กลมกล่อม และคุณค่าอาหารมากกว่า

2. ดอกคำฝอย

c
ใช้ดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล โดยใช้ดอกแห้ง 2 หยิบมือ(2.5 กรัม) หรือเป็นซองชา 

ชงน้ำร้อนครึ่งแก้ว ดื่มทุกวันก่อนนอน ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตัน

3. เสาวรส

c
ใช้ผลที่แก่จัด ไม่จำกัดจำนวน ล้างสะอาด ผ่าครึ่ง คั้นเอาแต่น้ำ เติมเกลือและน้ำตาลเล็กน้อย ให้รสกลมกล่อมตามชอบ ใช้ดื่มเป็นน้ำผลไม้ ลดไขมันในเส้นเลือด 

4. กระเทียมโทน

v
ใช้ “กระเทียมโทน” 21 หัว ปอกเปลือกออก เทน้ำผึ้งแท้ลงไปท่วมหัวกระเทียม ปั่นละเอียด เทใส่โหลแก้วปิดฝาสนิทหมักไว้ 7 วัน จึงเปิดฝาตักกินทั้งน้ำและเนื้อก่อนนอน 2 ช้อนโต๊ะ ทำกินให้ตลอด ไม่มีอันตรายอะไร จะช่วยไม่ใช้ไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ แต่วิธีนี้จะรับประทานได้ยากมาก ปัจจุบันมีชนิดบรรจุแคปซูลขายกินง่ายกว่า และได้ผลดีเช่นเดียวกัน
กระเทียมโทน หรือ ALLIUMSATIVUM LINN. อยู่ในวงศ์ ALLACEAE มีสรรพคุณทางสมุนไพรเยอะ เช่น ใบสดร้อนฉุนทำให้เสมหะแห้ง กระจายโลหิต หัวแก้ไอ แก้โรผิวหนัง แก้แผลเน่าเนื้อร้าย บำรุงธาตุ แก้หืด แก้อัมพาต บำรุงปอด แก้วัณโรคปอด ซึ่งในงานวิจัยพบว่า กระเทียม หรือ “กระเทียมโทน” รับประทานแล้วสามารถลดไขมันในเส้นเลือดได้ รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันเลือดจับตัวเป็นลิ่ม ป้องกันหัวใจขาดเลือด ดังนั้น รับประทานกระเทียม หรือ “กระเทียมโทน” สม่ำเสมอ มีสรรพคุณดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

5. เห็ดลินจือ

 v
ช่วยผู้ป่วยด้วยโรคไขมันในเส้นเลือดได้จริง โดยไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย และสารที่จะนำมาใช้มาใช้ประโยชน์ทางยาในการรักษาโรคไขมันในเส้นเลือดสูง จะต้องเป็นจะต้องเป็นกลุ่มสารไตรเทอร์ปินนอยด์ (Triterpenoids ) ที่สกัดได้จากเห็ดหลินจือ จึงจะสามารถใช้รักษาโรคไขมันในเส้นเลือดสูงได้

โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่าสารที่มีสรรพคุณทางยาที่อยู่ในกลุ่มของสารไตรเทอร์ปินนอยด์ คือสาร กาโนเดอริก ( Ganoderic acid A, B, C1, C2, D-K, R-Z ) และ ลูซิเดนิค ( Lucidenic acid ) ซึ่งเป็นตัวยาที่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ( Hypercholesterolemic activity ) และยังมีผลในการ ป้องกันการอุดตันของของไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย( Antiartherogenic )อีกทั้งยังทำหน้าที่บำบัดรักษาในคนที่เคยมีไขมันอุดตันในเส้นเลือดมาแล้ว (Antiarteroselerotic )

มีรายงานผลการศึกษาทางคลินิกโดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่นในผู้ป่วย 70 รายหลังจากให้ผู้ป่วยกินเห็ดหลินจือแบบสกัดเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าสามารถลดคลอเรสเตอรอลได้ 74.2% ซึ่งตรงกันกับรายงานผลการศึกษาทางคลินิกที่มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์เมืองเซียงไฮ้ที่พบว่สามารถลดไขมันในเลือดคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ได้เช่นกันทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นและช่วยลดการอุดตันภายในเส้นเลือดของอวัยวะต่าง ๆ ได้

โรคไขมันในเส้นเลือดสูงแม้ในความเป็นจริงฟังดูแล้ว ไม่ค่อยมีข่าวที่น่ากลัวออกมามากนัก แต่หลังจากที่ได้สืบค้นและศึกษาจนได้ข้อมูลเป็นที่ชัดเจนว่า แท้จริงแล้วมันคือด่านแรกที่จะนำไปสู่โรคร้ายๆ มากมาย และถ้าเราหยุดมันได้โอกาสที่เราจะเป็นโรคร้ายๆเหล่านั้น ก็คงเป็นได้ยากขึ้น 

เห็ดหลินจือนับเป็นสมุนไพรโบราณ ที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดและมีหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์รองรับมากมาย จนยอมรับได้ว่าไม่เป็นเรื่องงมงายอีกต่อไปมีการศึกษาผลทางคลินิก ทั้งในญี่ปุ่น และจีน และประเทศรัสเซีย ต่างก็สรุปผลการศึกษาตรงกันว่า เห็ดหลินจือมีคุณประโยชน์อันไพศาลต่อระบบไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นโลหิต

และการที่จะได้สารสำคัญดังกล่าวมาใช้ได้ประโยชน์ทางยา พบว่าต้องใช้ เอทานอล เป็นตัวทำละลายเห็ดหลินจือเท่านั้น เนื่องจากสารดังกล่าวไม่ละลายในน้ำ

6. ส้มแขก (Garcinia Cambogia)
v
Garcinia Cambogia หรือที่คนไทยรู้จักกันดี คือ ผลส้มแขกนั้นเอง สารเอชซีเอ เป็นสารสกัดจากผลส้มแขกมีคุณสมบัติในการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงสารอาหารจำพวกน้ำตาลกลูโคสเป็นสารอาหารจำพวกไขมันสะสมได้ 

สารสกัดจากผลส้มแขกเป็นสารจากธรรมชาติที่ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย จะให้ผลทั้งการลดไขมันสะสมใหม่ที่เกิดจากร่างกายของเรามีสารอาหารน้ำตาลกลูโคสเกินความต้องการ และยังส่งผลในการเร่งสลายไขมันเก่าที่สะสมอยู่โดยเฉพาะในคนอ้วน 

ส้มแขก (การ์ซิเนีย GARCINIA) เป็นเครื่องปรุงอาหารที่มีรสเปรี้ยว ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร เป็นที่นิยมนำมาปรุงเพื่อใช้ในการทำอาหารพื้นเมืองทางภาคใต้ อย่างเช่น แกงส้ม ปลาต้มเค็ม ต้มยำ ฯลฯ 

แต่สิ่งที่ส้มแขกมีมากกว่าความอร่อยคือ สามารถลดไขมันได้เป็นอย่างดี ซึ่งตรงนี้เป็นความก้าวหน้า ทางด้านวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ไทย นำโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา และคณะ ได้ทำการวิจัย สารสกัดจากส้มแขกในภาคใต้ และค้นพบว่า สามารถลดไขมันซึ่งเป็นส่วนเกินของร่างกาย ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

สารสกัดดังกล่าว เรียกว่า "ไฮ-โซล" (Hi-Sole ย่อมาจาก High HCA Concentration water soluble) ซึ่งมีคุณสมบัติในการสกัดกั้นการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต หรืออาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาล เป็นไขมัน 

ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโภชนวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ประเมินผล ความปลอดภัยของการใช้ ไฮ-โซล พบว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของหน้าที่ของตับและไต รวมถึงความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน 

ตัวแปรสำคัญ ที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการละลายไขมันส่วนเกินของร่างกาย คือ กรดไฮดรอกซี่ซีตริก เอเซ็ก หรือ ที่เรียกว่า "เอชซีเอ" ไฮ-โซล ซึ่งเป็นสารสกัดจากผลส้มแขกไทย จะมีความเข้มข้นของ เอชซีเอสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ และเป็นสารที่ละลายน้ำได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ร่างกายสามารถนำเอชซีเอไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว 

ในภาคใต้โดยเฉพาะใต้ตอนล่าง หากใครเคยมีโอกาสไปเดินตามตลาดนัดจะพบว่า มีส้มแขกวางขายเยอะแยะ เขาจะฝานออกเป็นชิ้นบาง ๆ นำไปตากแห้งจาผลสีเขียวเหลือง จึงมีสีหมองคล้ำดำ ๆ และแห้งเป็นกรรมวิธีแบบพื้นบ้าน แต่สามารถเก็บเอาไว้ใช้ได้นานเป็นเวลา หลาย ๆ เดือน วิธีการนำไปใช้ก็ง่าย กว่ามะขามเปียก เพราะไม่ต้องผ่านขั้นตอนอะไรมาก เพียงนำไปล้างน้ำ ฝุ่นละอองให้สะอาด ก็ใส่ลงไปในหม้อได้เลย ใช้เพียงไม่กี่กลีบก็ได้รสเปรี้ยวแบบนุ่ม ๆ กลิ่นหอมชวนรับประทาน 

และหากใครจะนำไปต้มน้ำมารับประทาน โดยไม่ปรุงแต่งรสก็ยิ่งน่าจะดีกว่าการไปหาซื้อ พวกผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน ซึ่งมีขายกันอยู่ในท้องตลาดราคาก็แพงกันสุด สุด แต่หากใครลองหาซื้อส้มแขกมาลองต้มดูจะได้อะไรที่มาจากธรรมชาติเพียว ๆ ออกฤทธิ์เห็นผลแน่นอน แถมราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด 

เมื่อรับประทานในระยะแรก อาจจะทำให้รู้สึกหิวบ่อยขึ้น เนื่องจากการทำงานของการ์ซิเนีย ทำให้ร่างกายมีการเร่งระบบการเผาผลาญอาหาร ซึ่งจะใช้เวลาราว 1-2 สัปดาห์ และร่างกายจะปรับตัวเองช่วงนี้ก็ให้พยายามดื่มน้ำมาก ๆ และในระยะยาวจะทำให้รู้สึกไม่หิว และจะค่อย ๆ ปรับสมดุลของร่างกาย ให้พอกับความต้องการ ของพลังงานที่ต้องใช้ต่อวัน ของแต่ละบุคคล ดังนั้นเมื่อหยุดส้มแขกแล้วจึงมักจะไม่กลับมาอ้วนอีก 

7. ใบย่านาง

 v
เอาใบสดมาลวกน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรคและนำมาคั้นน้ำทานโดยใช้ใบสดประมาณ 10 ใบ คั้นได้เท่าไหร่เติมน้ำให้เต็มแก้ว แล้วดื่ม จะบอกว่าเหม็นเขียวสุดๆ ลองผสมกับน้ำใบเตย น้ำผึ้ง คราวนี้ทานง่ายครับสบายๆ ทานวันและ 1 แก้ว 

8. แก่นตะวัน

 v
ปอก เปลือกแล้วกินสดได้ หรือนำไปประกอบอาหาร แปรรูปเป็นน้ำเชื่อมฟรุกโตสเข้มข้น หรือสารให้ความหวานก็ยังมี จากรายงานการวิจัยต่างประเทศ ชี้ว่าอุดมไปด้วยวิตามินบี เหล็ก แคลเซียม และอินนูลิน ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลฟรุกโตสต่อกันเป็นโมเลกุลยาว เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงโรคเบาหวานและหลอดเลือด เนื่องจากรสหวานของแก่นตะวันไม่ทำลายสุขภาพ ช่วยลดไขมันในเลือด อีกทั้งช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำดี ขับปัสสาวะ

9. ใบชาอัสสัม

c
ล้างพิษสะสมในไต และล้างพิษในระบบเลือด ขับพิษร้อน ลดน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด ชาล้างพิษไต เลือด ปรับสมดุลระบบร่างกาย รักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับเบาหวาน การปัสสาวะ อาการภูมิแพ้ และอาการไม่สบายเนื้อตัวอื่น ๆ อันเกิดมาจากพิษสะสมในร่างกายมากเกินไปสามารถดื่มได้ตลอดวันโดยไม่สะสมในร่างกาย สมุนไพรไทยที่น่าจับตามองและน่าทึ่งจากความสามารถในการกำจัดของเสียและขับพิษอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งไม่ใช่ชาแต่เป็นสมุนไพรพื้นบ้านโบราณที่ผ่านทักษะในขบวนการผลิตที่ได้ มาตรฐานและพิถีพิถัน เพื่อนำเสนอให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน โดยทำให้สะดวกขึ้นแต่ยังได้คุณค่าของตัวยาในการล้างพิษครบถ้วน

10. หอม

 f
หลายครั้งมักถูกนำมาเป็นเครื่องเคียง หรือ โรยประดับ สิ่งที่เห้นอยู่บ่อยๆคือคนมักเขี่ยหอมทิ้ง แต่ไอ้สิ่งที่เราเขี่ยทิ้งเนี่ยหลายคนจะรู้บ้างไหมว่ามันมีคุณค่าขนาดไหน

- หอมใหญ่ allium cepa linn.

- หอมแดง allium ascalonicum linn.

สรรพคุณหรือประโยชน์ทางยา ตามตำรายาไทยช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ

การศึกษาวิจัยพบว่า หัวหอมมีประโยชน์ดังนี้

- มีผลต่อการเพิ่ม high density lipoprotein (HDL) cholesterol หรือคอเรสเตอรอล ตัวดี
- มีผลต่อ low density lipoprotein (LDL) ลดลง หรือคอเรสเตอรอล ตัวร้าย
- ลดปริมาณ cholesterol ในกระแสเลือด และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ สารสำคัญที่สามารถละลายลิ่มเลือดที่จับตัวขัดขวางทางเดินโลหิตได้ คือ สารไซโคลอัลลิอิน

ขนาดและวิธีใช้

1. หอมหัวใหญ่ ใช้ครึ่งหัว

2. หอมแดง ใช้ 5-6 หัว

รับประทานทุกวัน อย่างน้อย สองเดือน จะรับประทานร่วมกับอาหารอื่นก็ได้ และที่สำคัญถ้าจะให้ผลดีต้องรับประทานสด เช่น เมี่ยงคำ ยำ น้ำพริก ผักแกล้ม เป็นต้น หลังจากที่ได้ทราบคุณค่าทางยาของหัวหอมแล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่เขี่ยหอมออกนอกจานต่อไป

 

ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=free4u&month=16-10-2012&group=92&gblog=21

 

 

Go to top