มีการรวบรวมเรื่องที่เราไม่รู้จากสิงคโปร์มาให้อ่าน ส่วนตัวผมแล้ว ไม่รู้สักเรื่องเลยครับ
- คนที่นี่ชิดซ้าย จะขึ้นบันไดเลี่อน ข้ามถนน ขับรถชิดซ้ายหมด แต่ฮ่องกงชิดขวา มาแรกๆก็ชิดขวา คนที่นี้บอกว่าคนอื่นเห็นแว๊บแรกก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนสิงคโปร์ เพราะที่นี่เค้าชิดซ้ายกัน สรุป เราคนไทย ยืนตรงกลางซะเลย
- คนที่นี่ 30% มีรอยสัก แม้แต่พนักงานในออฟฟิตก็ตาม คุณจะเห็นรึป่าวก็เท่านั้นเอง
เคยพูดกับเพื่อนคนนึงว่า ดีนะเนี้ยยูไม่มีรอยสัก มันแหวกเสื้อเชิ้ตให้ดูที่หน้าอก
เสือพาดมาตัวบักเอ๊ก (- -") และตัวเลขจะพุ่งไปถึง 80% ถ้าคุณไปที่อโคจร
- คนที่นี่ครึ่งต่อครึ่งสูบบุหรี่ ผู้หญิงสูบบุหรี่หรือไม่สูบบุหรี่ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความดีความงาม
และตัวเลขจะพุ่งไปถึง100% ถ้าคุณไปที่อโคจร จึงขอแนะนำให้สูบบุหรี่ไปด้วยเลยจะดีกว่า
หากแต่บุหรี่ที่นั่นแบบถูกที่สุดซองละสองร้อยเงินบาทไทย จึงขอแนะนำใหม่ว่า
ขอบุหรี่ชาวบ้านมาดูดจะดีที่สุด
- คนที่นี่ไม่รู้จักกัน แค่ถือบุหรี่ เดินเข้าไปหา ไม่ต้องพูดอะไรออกมาสักคำ เค้าก็พร้อม
จะหยิบยื่นไมตรีด้วยการจุดบุหรี่ให้คุณทันที น้ำใจดีๆยังมีให้เห็น และถ้าคุณ
อยากตอบแทนน้ำใจด้วยการซื้อบุหรี่ไปฝากเพื่อนที่สิงคโปร์
คุณสามารถนำบุหรี่เข้าสิงคโปร์ได้หนึ่งซองถ้วน หาไม่แล้วโดนเสียค่าปรับอ้วกแตก
- คนที่นี่ไม่ค่อยพูดว่าขอโทษ แต่คำว่าขอบคุณยังได้ยินเรื่อยๆ
- ที่นี่เกย์น้อยมาก ไม่แน่ใจว่าเพราะมันผิดกฏหมายที่นู่นรีป่าว ( กฏหมายที่นั่นเยอะจนน่าเกลียด)
แต่มีแน่นอน เห็นดูดปากกันอยู่ที่วิโว่ซิตี้ และขณะเดียวกัน ประชากรเลสเปี้ยนที่นี่ก็สูสีกับเกย์
ไปเที่ยวทีไรเจอตลอด และหล่อด้วย
- คนที่นี่ตามท้องถนน หน้าไม่ได้เรื่องเลยอัตราส่วนคนหน้าตาดีต้องเรียกว่า 1:10 และหน้าตาดีที่ว่า
คือต้องมาตรฐานง่อยๆแล้วนะ ถ้าชอบสไตล์ดาร์คทอล คุณมาสิงคโปร์คงเหมือนกับนรก
มลภาวะทางสายตาทั้งนั้น แต่ตัวเลขจะกลายเป็นครึ่งต่อครึ่งทันทีถ้าคุณไปถูกย่าน
แนะนำบัตเตอร์แฟค ผับตรงข้ามรร.ฟูเลอตัน เด็ดๆเพียบ
- ผู้หญิงที่นี่อาจจะไม่ได้สวย แต่หุ่นดีมาก เห็นแล้วกระอักโปรตีน เธอกินอะไรมานะช่างน่า....
และ ผู้หญิงที่นี่ก็ไม่ได้ตัวสูงเหมือนกัน แต่ผู้ชายที่นี่ตัวเตี้ย ผลออกมาก็คือตัวพอๆกันค่าเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่
160-170เท่านั้นเอง สูงๆนี่เดาไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่คนสิงคโปร์
- ผู้ชายที่นี่ก็ใช่ย่อย ถึงจะเตี้ยแต่เตี้ยคุณภาพ กล้ามเป็นกล้าม หุ่นดีกันเกือบทุกคน
- คนสิงคโปร์ไม่ค่อยกินน้ำเปล่า แล้วส่วนใหญ่ก็ไม่กินน้ำเย็น ถ้าขอ"ปิงสุ่ย" (แปลว่าน้ำเย็น)
- คนสิงคโปร์ไม่ค่อยกินน้ำเปล่า แล้วส่วนใหญ่ก็ไม่กินน้ำเย็น ถ้าขอ"ปิงสุ่ย" (แปลว่าน้ำเย็น)
นี่เดาไว้ก่อนเลยว่าคนไทยแน่นอน
- "หงหนิ่ว"(กระทิงแดง) ขายดีมาก ไปทีไหนก็มี เป็นหนึ่งในมิกเซอร์ที่พบเห็นได้ตลอดทั้งวัน
นั่นรวมถึงเสื้อกระทิงแดงด้วย เจอทุกวัน ทุกวันจริงๆ อย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
- คนขับรถแท๊กซี่ที่นี่ที่เจอเคยมาเมืองไทย แส่วนใหญ่มาเมืองไทยอย่างน้อยปีละครั้ง พูดไทยได้
- สิงคโปร์ไม่ได้สะอาดเพราะคนที่นี่เป็นคนสะอาด แต่สะอาดเพราะมีคนมาทำความสะอาดให้
- แท๊กซี่แบบทั่วไปจะยี่ห้อฮุนได (อารมณ์โลโม่บ้านเรา) และมีให้เลือกตั้งแต่โตโยต้าไปจนถึงเบนลีย์
เมอซิเดส หรูขาดใจ แต่กรุณาหลีกเลี่ยงแท๊กซี่หลังเที่ยงคืน เพราะคุณจะโดนชาจเพิ่ม 40%
โดนมาแล้ว ไม่ต้องแว๊กซ์หน้าแข้งไปเลยทั้งเดือน
- ที่นี่มี little thailand อยู่ที่ห้างเก่าชื่อ "โกลเด้นท์ไมล์" สภาพเหมือนเอาห้างยุคสงครามมาดัดแปลง
อับๆเก่าๆ และเหม็นมาก แต่อยู่ได้ไม่เกินครึ่งชม.ก็ต้องขอลารบ
- อาหารมื้อที่ถูกที่สุดที่เคยกินมาจานละสามเหรียญ (เจ็ดสิบบาทไทย) น้ำที่ถูกที่สุดคือเอเวียง
(สี่สิบบาทไทย) มื้อนึงถ้าประหยัดๆก็จะอยู่ที่ห้าเหรียญ
- ลิตเติ้ลอินเดีย เป็นย่านที่ทำให้รู้ว่าสิงคโปร์ไม่ได้เพอรเฟคไปซะทุกเรื่อง ขยะตามถนนพอมีให้เห็นบ้าง
ส่วนห้างมุสตาฟาที่แสนจะโด่งดัง ไปแล้วหายใจไม่ออก ไม่เข้าใจอยู่กันไปได้ยังไง
- สิงคโปร์ไม่มีของเถื่อน เพราะรัฐบาลทำให้มันถูกกฏหมายหมด โต๊ะบอลถูกกฏหมาย
คาสิโน่ถูกกฏหมาย ซ่องถูกกฏหมาย (โอ้ มายก๊อต)
- คุณอ่านไม่ผิด ที่นี่มีโสเภณีให้บริการอย่างถูกกฏหมายที่ย่านเรดไลน์ "เกลั๊ง" รัฐบาลเค้าแนวมากไหมล่ะ
- ที่นี่ไม่มียุง ไม่ใช่เพราะว่ายุงบินผ่านตม.สิงคโปร์ไม่ได้ แต่เพราะว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้คุณเพาะลูกน้ำเป็นสัตว์เลี้ยง
บ้านไหนปล่อยน้ำขังให้ยุงมาเพาะพันธุ์ โดนปรับหลังอาน และถึงที่นี่จะไม่ มียุง
แต่ไอตัวที่เหลือมีหมด!! จึงไม่ต้องห่วงว่าท่านจะต้องเหงาปาก โดยเฉพาะแมลงวันนี่
เข้าใจว่าน่าจะเป็นพันธุ์มาดากัสก้า ...จะอ้วนกันไปไหน เพราะมันตัวใหญ่มาก
- ที่นี่ไม่มีของเก่า ไม่มีบ้านเก่า เพราะเค้าบังคับให้ทาสี ไม่มีรถเก่า เพราะเค้าไม่อนุญาติให้คุณ
ใช้รถเกินสิบปี ถ้าจะใช้ก็ต้องเจอค่าปรับอันโหดร้ายซะจนซื้อใหม่ยังดีกว่า
- ที่นี่รถเยอะกว่าที่คิดไว้ เยอะกว่าฮ่องกง ทั้งๆที่การคมนาคมเค้าเจ๋งโคตร คุณสามารถ
วางแผนการเดินทางแบบคลาดเคลี่อนไม่เกิน 5% ก่อนออกจากบ้านได้ทุกวัน ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตาม
แต่ถึงรถจะเยอะแค่ไหน ก็ไม่มีรถติด เว้นแต่ช่วงหน้าเทศกาล
- ประเทศสิงคโปร์ไม่มีที่ดินเพาะปลูกอาหาร เพราะมีพื้นที่จำกัด จำต้องนำเข้าซะส่วนใหญ่
แต่ก็มีอุตสาหกรรมผลิตแปรรูปอาหาร แต่วัตถุดิบก็นำเข้าเหมือนกัน
- ที่ดินในสิงคโปร์แพงมาก คนที่จะซื้อที่ดินที่นี้ จะต้องรวยเวอร์ขนาดคนสิงคโปร์เอง
ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองเลย จำต้องเช่าคอนโดซะส่วนใหญ่ และรัฐบาลก็มีนโยบายจำกัดพื้นที่ด้วย
เพราะฉะนั้น ตึกจะไม่กระจายออกรอบนอก แต่จะมาแทนที่โดยการแข่งกันสร้างขึ้นสูงเสียดฟ้าที่เห็นกัน
- และรถสปอร์ตเยอะมาก ทั้งๆที่นี่ภาษีนำเข้ารถบ้าบอคอแตกสุดๆ ใครมีรถเดาไว้ก่อนเลยว่า
มีอันจะกิน และถ้าคุณขับรถนิชมากๆที่นี่ คุณจะได้รับสิทธิพิเศษในการจอดรถ
- แต่รถกลับไม่ใช่ดัชนีชี้วัดความร่ำรวย ตัววัดของจริงอยู่ที่"เคหะสถาน" บ้านนั่นเอง
- 80% ของคนสิงคโปร์อยู่บ้านของรัฐบาล เรียกว่า HDB แต่ บ้านเอื้ออาทรที่ว่านี่ไม่ได้ราคาเอื้ออาทรแต่อย่างใด
คนที่นี้บอกว่าสตาร์ทที่ห้าล้านบาทไทย อันนี้แบบเล็กโคตรรรรรรเท่ารูหนู
แล้วก็อยู่ในย่านห่างไกลความเจริญสุดขีด เดินทางขั้นต่ำ 45 นาที
- และไอ 20% ที่เหลือ คือผู้ที่มีอันจะกินอย่างแท้จริง อยู่คอนโดบ้าง บ้านเดี่ยวบ้าง
อันนี้คือโคตรอภิมหารวย เพราะขนาดคนอยู่ HDB ยังเห็นบีเอ็มเมอซิเดสจอดกันให้รึ่ม
- ไม่น่าสงสัยว่าทำไม คนสิงคโปร์ เมื่อเริ่มรู้จักเค้าจะถามเลยว่าบ้านอยู่ไหน ขับรถอะไร
ทำงานอะไร บางคนลามปามกันไปถึงเงินเดือน คนที่นี่ใจกล้ามากๆที่จะพูดถึงเรื่องฐานะ ความเป็นอยู่
เพราะคนที่นี่มี "มาตรฐาน" วัดความเหมาะสมในการคบหา และมาตรฐานที่ว่าก็คือ "เงิน" นั่นเอง
- คนที่นี่ไม่ได้เป็นระเบียบเรียบร้อยอะไรขนาดนั้น ส่วนตัวคิดว่าคนฮ่องกงดูมีการศึกษากว่าสิงคโปร์ซะอีก
สิงคโปร์จะอยู่กึ่งกลางระหว่างมาเลย์กับฮ่องกง แอบข้ามถนนตอนไฟเขียวบ้างอะไรบ้าง
- ตำรวจที่นี่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพราะส่วนใหญ่จะนอกเครื่องแบบ!!
- เกือบทุกๆที่ในสิงคโปร์จะเอาทุกอย่างลงดินหมด ดูแล้วเหมือนมนุษย์ปลวกมดยังไงก็ไม่ทราบ
แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ร้อน
- 80% คนสิงคโปร์จะจบยูจากออสเตเรีย อาจจะส่วนตัวไปหน่อย แต่เท่าที่รู้จัก จบกันมาจากออสทั้งนั้น
- เพราะการเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่สิงคโปร์เป็นเรื่องหินมากค่ะ ไม่ได้มีเปลวเทียนให้แสง
รามคำแหงให้ทางแบบบ้านเรา
- ซุปเปอร์ที่นี่เอารถเข็นกลับบ้านได้ แต่ต้องนำมาคืนด้วย
เพราะเขานับจำนวนและด้วยทั่วประเทศติดตั้งด้วยกล้องวงจรปิด ถึงคุณขโมยก็ไม่รอดอยู่ดี
- เกือบทุกร้านจะมีบัตรสะสมแต้ม ไม่ก็บัตรสมาชิก เห็นแล้วปวดหัวมาก
ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจะสามัคคีกันรวมตัวสร้างบัตรเดียวกันไม่ได้
- การพักผ่อนในเกมส์เซนเตอร์เป็นเรื่องแม้ว่าคุณจะแก่แล้วก็ตาม
- ถึงสิงคโปร์จะเป็นประเทศประมูลกำหนดราคาน้ำมันดิบเป็นอันดับต้นๆของเอเชีย
แต่ภาษีราคาน้ำมันแพงมหาโหด คนสิงคโปร์ยอมลงทุนข้ามประเทศไปเติมน้ำมันกันถึงชายแดนมาเลเซียเลยทีเดียว
เพราะน้ำมันที่นี้ถูกกว่าประเทศตัวเองอีก แล้วขับเข้าสิงคโปร์เพื่อไปขับรถชิลๆต่อไป
- หมากฝรั่งเป็นขนมต้องห้ามของที่นี่ (ไม่ใช่ไม่ให้นำเข้า หมายถึงเคี้ยวต้องให้ถูกที่ และทิ้งให้ถูกที่ด้วย)
มิฉะนั้น ถ้าเจอตำรวจเมื่อไร ค่าอาหารที่จะไปกินในวันนั้น โดนตำรวจปรับไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน
และตำรวจของที่นี้ เหมือนมันจะมีประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดราเอมอนเลยอ่ะ คุณทิ้งขยะไม่เป็นที่
แล้วเดินจากตรงนั้นไป ไม่เกิน 10 นาที ตำรวจโผล่ออกมากระชากคุณทันที เหมือนปรากฎตัวต่อหน้าคุณ
ด้วยเวทมนต์ยังไงอย่างงั้นเลย รู้มาที่หลัง อ๋อ ที่แท้กล้องวงจรปิดตัวดีนี่เอง ติดกันได้ทั่วประเทศเหมือนเงาตามตัว
- ตำรวจที่นี้รับสินบนน้อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เรียกว่าหาไม่พบตำรวจนิสัยแบบนี้เลยก็ว่าได้
คอปรัปชั่นเป็นภัยระดับชาติของที่นี้เลยทีเดียว คุณยัดเยียดเงินให้ตำรวจที่นี้ นอกจากเขาจะไม่รับ
คุณอาจจะเจอข้อหาอีกกระทง นั้นก็คือ "ข้อหายัดเยียดสินบนแก่เจ้าหน้าที่" ซวยไม่รู้จบแน่ๆ
- ที่ นั่นมีการผูกขาดสัมปทานมือถืออยู่สองเจ้า คือซิงเทลกับสตาร์ฮับ
ทุกวันนี้ยังบอกไม่ได้ว่าอะไรดีกว่ากันทั้งๆที่ใช้มา ทั้งคู่แล้ว เพราะเปลืองพอๆกัน รับสายอะไรก็เสียตังค์
- คนที่นี่น่าสงสารมาก มีมือถือให้ใช้อยู่แค่สองยี่ห้อ คือไอโฟนกับแบลคเบอรี่
- คนที่นี่ส่งแมสเซสอย่างบ้าคลั่ง มากกว่าการสื่อสารใดๆ บางทีพี่น้องอยู่คนละห้องกัน ส่งแมสเซสคุยกันก็มี
เพราะมันส่งฟรี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนสิงคโปร์ที่ทุกๆคน กดแมสเซสแทบไม่ต้องมองแป้นพิมพ์ กดเร็วมาก
- คนที่นั่นให้ความสำคัญกับการกินมาก และไม่กินของเหลือ เหลือคือทิ้งอย่างเดียว และไม่มีขอทานแบบบ้านเรา
- เชื่อไม่เชื่ออยู่ที่คุณ ประเทศสิงคโปร์ เที่ยวทั่วทั้งประเทศได้หมดภายใน 3 ชั่วโมง (อันนี้คนเล่ามาอีกที)
- ผู้หญิงที่นี่จัดว่าเป็นอภิสิทธิ์ชน เพราะถ้าคุณไปกินข้าวกับผู้ชาย คุณไม่ต้องออกเลย เพราะเค้าจะไม่ให้คุณจ่าย
- ผู้หญิงที่นี่จัดว่าเป็นอภิสิทธิ์ชน เพราะถ้าคุณไปกินข้าวกับผู้ชาย คุณไม่ต้องออกเลย เพราะเค้าจะไม่ให้คุณจ่าย
ถ้าให้ผู้หญิงออกถือว่าเสียหน้ามาก และไม่ให้เกียจติฝ่ายหญิงด้วย
- ตู้ เอทีเอ็มที่นั่น บัตรจะออกก่อนเงิน ซึ่งนั่นก็ดีอีกเหมือนกัน ตอนอยู่ไทยชอบลืมบัตร
เพราะได้เงินแล้วออกเลย (โคตรโง่อะ ได้เงินแล้วก็ อ๊ะ ดีใจจังเลย มีเงินแล้ว เดินออก ทิ้งบัตรไว้ - -")
- ที่นี่ไม่มีการรณรงค์เรื่องลดโลกร้อน ใช้ถุงกันเปลือง ชอบพกถุงอีโค้ไปใส่ของเองมีแต่คนมองเหมือนเป็นตัวประหลาด
แต่ก็ทนหน้าด้านเอา
- หมี่ฮกเกี้ยนมีสองแบบ แบบหมี่ดำกับหมี่เหลือง และอร่อยเทพทั้งคู่
- ครีเอทีฟโฆษณาดีๆที่นั่นตายกันไปหมดแล้ว พักเบรคโฆษณาคือพักเบรคจริงๆ
ไม่มีอะไรชวนให้ดูแบบบ้านเรา
- การจองเป็นเรื่องธรรมดาของสิงคโปร์ ถ้าคุณอยากได้อะไรแล้วยังไม่อยากซื้อเลย
คุณสามารถจองไว้ก่อนได้ เหตุผลก็คือ ถ้าคุณไม่จอง มันจะหายไปได้ก่อนคุณจะกลับมาหามันอีกครั้ง
- ของที่นี่ไม่ได้ถูก แต่คนที่นี่มีเงินเหลือซะจนต้องหาทางระบายมันออกไปบ้าง รวยไหมล่ะ
- ถ้าคุณไปกินข้าวที่ศูนย์อาหาร (ฮอกเกอร์) คุณจะได้รู้ความรู้สึกของพณท่านนายกฯเวลาโดนสัมภาษณ์
เพราะจะมีคนมารุมล้อมคุณด้วยแผ่นป้ายอาหารนานาชาติราวกับว่าเราเป็นบุคคล สำคัญของชาติเลย
- ประชากรคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นจีนเเต้จิ๋วกว่า 70 % รองลงมาก็เป็นเชื้อสายมาเลย์และอินเดีย
เพราะฉะนั้นคนที่นี้จะพูดได้หลายภาษา แต่จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ และภาษาจีน
จีนกวางตุ้ง ภาษาทมิฬด้วย ถ้าจะคุยกับคนเชื้อสายจีนที่นี้ แนะนำให้คุยเป็นภาษาจีนดีกว่า
เพราะจะสะดวกแก่คุณและทั้งเขาด้วย เหมือนบ้านเราที่คนอีสานจะถนัดคุยภาษาอีสานมากกว่า
ภาษาทางการ อะไรทำนองนั้น
- ก่อนกินข้าว คนที่นี่มักจะอุ่นเครื่องด้วยการพูดคุยแบบเมามันส์ ไม่มีนั่งสงบเสงียมแบบบ้านเรา
เค้าจะคุยกันเรื่องงาน เรื่องบ้าน เรื่องบ้าเรื่องบอกัน ไม่ก็นั่งเล่นเกมส์ เล่นมายากล ถามคำถามชวนปวดแก่นสมอง
คือทำทุกอย่างเพื่อให้เวลาไม่สูญไปโดยเปล่าประโยชน์ และ แม้แต่หลังการกินอาหารก็ตาม
คนที่นี่จะนั่งคุยๆๆๆๆกันต่อ เชคบิลแล้วก็ไม่ได้แปลว่าพร้อมจะลุก คนที่นี่จะคุยๆๆๆๆกันหัวเราะเฮฮา
ถึงแม้ว่าร้านจะปิด พนง.จะต้องนั่งรอก็ตาม เพราะคนที่นี้ก็เปรียบลูกค้าคือพระเจ้าเหมือนกัน
ลูกค้าบางคนรวยๆหน่อยอาจจะให้ค่าทิปเป็นค่าล่วงเวลาแก่พนักงานก็มี
- และถึงแม้ว่าจะโดนไล่ออกมาจากร้านแล้ว คนที่นี่ก็ยังสามารถหาที่ยืนสูบบุหรี่และคุยกันได้ต่อ
ไม่มีทีท่าจะว่าจะแยกย้ายกันกลับบ้านง่ายๆ 555+ และ แน่นอนว่า พวกเค้าพร้อมจะออกไปร้านชิลเอาท์
ฟังเพลง กินเบียร์กันได้ต่ออีก จากที่รู้จักเพื่อนถึงสามกลุ่มในสิงคโปร์ เป็นแบบนี้ทุกกลุ่ม!!
การเข้าสังคมที่นี่คุณจะต้องมีพลังงานเหลือเฟือ และต้องคอแข็งเป็นพิเศษ
คนตับอ่อนน้ำย่อยไม่ดีจะถือว่าน่าเสียดายมากๆๆๆๆๆๆๆ
- บัตกุตเต๋มีสามแบบ เวลาจะสั่งให้เพื่อนไปซื้ออาหารที่นี่ต้องกำกับให้ดีว่าจะเอาแบบไหน เพราะของเค้าเยอะจริง
- สะเต๊ะที่นี่แห้งมากและมีสารพัดเนื้อ ของไทยอร่อยกว่าเยอะ
- ข้าว มันไก่ที่อร่อยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าดัง ร้านธรรมดาๆในฮอกเกอร์ก็อร่อยเหมือนกัน
แต่น้ำจิ้มมันนรกมาก คนสิงคโปร์ที่เคยมาเที่ยวไทย กินข้าวมันไก่สูตรคนไทยเข้าไป
มันแทบจะลืมต้นตำรับของบ้านมันด้วยซ้ำ เพราะมันอร่อยเทพพพพ (คนไทยเก่ง ปรบมือๆๆ)
- ที่นั่นไม่มีทิชชู่ฟรี ต้องพกติดตัวไปเอง และทิชชู่ที่นั่นยังทำหน้าที่เสมือนธงแสดงความเป็นเจ้าของโต๊ะได้อีกด้วย
- น้ำก๊อกที่นั่นดื่มได้ แต่ไม่ดื่ม ไม่ใช่ไม่วางใจสิงคโปร์ แต่ไม่ชินจริงๆ น้ำที่บริโภคกันที่นี้
มาจากปัสสวะของคนที่นี้นั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกซะหมด ก็มีการนำเข้าจากมาเลเซียเหมือนกัน
- คนที่นี้ก็บ้าเข้าผับบาร์คลับต่างๆนาๆ หลังจากออกมาจากร้าน (คลับที่นี่บางที่เปิดถึงตีห้าก็มี)
พวกนี้ก็พร้อมจะมาสุ่มหัวคุยกันหน้าร้าน ริมถนนกันไปจนถึงหกโมงเช้า และไปทำงานกันได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
- และคนที่นี่แต่งตัวจัดมาก จัดว่าแย่!! ยิ่งแต่งตัวไปเที่ยวกลางคืน คุณสามารถขุดชุดแบบไหนก็ได้ไปเที่ยว
จะลากชุดราตรีบานเป็นขนมถ้วยฟูก็ไม่มีใครว่า หรือ จะแต่งตัวแบบไร้ทิศทางก็ไม่มีคนสนใจ
แฟชั่นที่นี้นับว่าเห่ยมาก สู้แฟชั่นการแต่งตัวแบบบ้านเราไม่ได้เลย ทันสมัยกว่า
(แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคนไทยบางคนทำไมชอบไปช๊อปและอัพเดตแฟชั่นที่นี่ซะเหลือ เกิน ทั้งที่บ้านเรานำเทรนด์ทั้งนั้น)
- ผู้หญิงสิงคโปร์เต้นได้แรงมาก หลายที่พวกนักร้องบนสเตจมันใส่บิกีนี่มาโยกๆๆสะบัดสะลัดกันตรงหน้าเรานี่ละ
และผู้ชายสิงคโปร์ก็เต้นได้เเย่พอๆกัน ถ้าเราไปอยู่ใกล้มันเมื่อไหร่ มันพร้อมจะเลี้อยเมื่อนั้น
และที่สำคัญ ผู้ชาย ที่นี่หน้าด้านและเฟลิตกระจาย ถ้าคุณทำหน้าโง่ๆแอ๊บแบ๊วเมื่อไหร่
รับรองว่าได้ผู้ชายตกถึงท้องแน่นอน เพราะพวกเค้าพร้อมจะเดินเข้ามาหาแบบไม่อายสายตาชาวบ้าน
อาจจะถึงขั้นถามเบอร์ ชวนไปกินข้าวต่อได้เหมือนบ้านเรา (อ้าว!!!)
- เบียร์ประจำชาติของที่นี้คือเบียร์ไทเกอร์ (รึป่าว หรือว่ามันเบียร์มาเลย์)
แต่คนที่นี่ดื่มได้ไม่เกี่ยงสัญชาติ เบียร์ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือเบียร์เยอรมัน
และโรงเบียร์ตะวันแดงบ้านเราก็มาเปิดที่แดมซีด้วย (เกี่ยวมั๊ยวะเนี้ย ๕๕) อันนี้ยังไม่เคยไป
แต่เพื่อนบอกให้ฟัง
- รัฐบาลสิงคโปร์ มีนโยบายผลักดันให้ประชากรมีลูกกันเยอะๆ และรัฐบาลจะให้สิทธิพิเศษ
แก่เด็กของคุณเรียนฟรีจนถึงระดับปริญญาเลยทีเดียว ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกครึ่งก็ตาม
แต่ต้องถือ ID ของสิงคโปร์เท่านั้น
- ที่นั่นทุกวีคเอนท์จะมีหนังให้ดูรอบเทียงคืน
- คนที่นั่นไม่ได้เดินเร็วสมกับที่เป็นเมืองธุรกิจ เกือบทุกคนบอกว่าเรา(คนไทย) เดินเร็วมาก
ทั้งๆที่เดินปรกติเหมือนอยู่เมืองไทยนี่ละ
- คนสิงคโปร์ชอบเที่ยวนอกประเทศ ไม่ค่อยเที่ยวในประเทศหรอก เพราะมันแพง
และที่สำคัญก็ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากนัก ไม่ต้องเป็นห่วง
นักท่องเที่ยวที่นี้เขาคำนวณการใช้จ่ายไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว บวกกับเลือกประเทศที่คุ้มค่าที่ๆจะไป
และประเทศไทยก็เป็นประเทศอันดับต้นๆที่คนสิงคโปร์ชอบมาเที่ยวมากที่สุดถึง ที่สุด
วันหยุดแค่ 2-3 วัน (เช่นเย็นวันศุกร์ เสาร์-อาทิตย์) ก็รวมพลจัดทัวร์กันมาเดินย้ำๆกันให้ว่อนทางภาคใต้ของบ้านเรา
เช่น หาดใหญ่ ภูเก็ต เกาะสมุย ฯลฯ เป็นต้น บางคนกระเป๋าหนัก ก็บินข้ามฟ้าข้ามทะเลมาถึงกรุงเทพฯ หรือพัทยาก็มี
- การ ใส่รองเท้าแตะถือว่าเป็นเรื่องปรกติ อันนี้ใครอ่านอาจจะงงว่ามันแปลกตรงไหน
เราว่ามันแปลกเพราะสิงคโปร์ดูแล้วเจริญเป็นผู้ดีมากๆ แต่คนกลับดูชิลซะเหลือเกิน